Tech

6 เทคนิคทำ Responsive Web Design ปรับเว็บไซต์ให้อันดับ SEO ดีขึ้น

ทุกวันนี้อินเตอร์เน็ตแทบจะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของคนเรา การเข้าถึงเว็บไซต์ผ่านอุปกรณ์ต่างๆ เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์ เป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไป เมื่อเราสร้างเว็บใหม่ๆ ขึ้นมาก็ต้องทำให้เว็บแสดงผลได้อย่างเหมาะสมบนทุกอุปกรณ์ Responsive Web Design คือเทคนิคในการทำเว็บไซต์ให้ปรับตัวตามขนาดหน้าจอที่แตกต่างกัน นอกจากจะช่วยให้ผู้เข้าชมเว็บไซต์ได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้นแล้ว ยังส่งผลต่อการจัดอันดับ SEO ของเว็บไซต์ด้วย สำหรับ 6 เทคนิคการทำ Responsive Web Design อย่างมีประสิทธิภาพ และรองรับ SEO มีอะไรกันบ้าง มาดูกันเลย

1. เน้นความเรียบง่าย สบายตา

หมดเวลาสำหรับเว็บไซต์ที่มีลูกเล่นหรือเนื้อหามากเกินไป ไม่ว่าจะเนื้อหา รูปภาพ วิดีโอ ภาพเคลื่อนไหว อนิเมชั่นต่างๆ ถึงแม้ว่าส่วนประกอบเหล่านี้จะสวยงามเมื่ออยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ แต่ถ้ามาดูในจอโทรศัพท์อาจทำให้กลายเป็นเว็บไซต์ที่ไม่น่าดูเลยสักนิด เพราะอัดแน่นไปด้วยตัวหนังสือหรือรูปภาพมากเกินไป ยากต่อการเลื่อนอ่าน ไม่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเว็บไซต์ธุรกิจ โดยเฉพาะเว็บที่ทำ SEO เราควรทำเว็บไซต์ให้เรียบง่าย แต่มีเนื้อหาที่กระชับ และชัดเจน วิธีนี้จะช่วยให้มีการแสดงผลบนหน้าจออุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างสวยงามขึ้น และมีประโยชน์มากต่อการทำอันดับ SEO

2. ทำเว็บไซต์แบบ Mobile Friendly

ปัจจุบันคนจำนวนมากมักจะใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนในการเข้าอินเตอร์เน็ต  การท่องเว็บไซต์ผ่านมือถือคือเรื่องปกติของผู้คน เพราะความสะดวกในการพกพา แถมมือถือก็มีราคาไม่สูงนัก ถ้าเว็บไซต์ที่เราสร้างมาไม่ตอบสนองต่อการใช้งาน ดูยุ่งยากเกินไปในมือถือ คนที่เข้าเว็บมาผ่านโทรศัพท์มือถือก็จะกดออกจากเว็บไปอย่างรวดเร็ว จนดูเป็นเว็บไซต์ที่ไม่มีคุณภาพ ทำให้เสียคะแนน SEO จาก Google ไปอย่างน่าเสียดาย

การเลือกใช้เครื่องมือทำเว็บไซต์ของเราจึงควรเน้นความยืดหยุ่น โดยใช้เครื่องมือประเภท Flexible Layouts เพื่อปรับขนาดสัดส่วนต่างๆ บนเว็บไซต์ให้มีการแสดงผลที่เหมาะสม ตามขนาดของหน้าจออุปกรณ์ทุกขนาด

3. ออกแบบและจัดวางองค์ประกอบเว็บไซต์ให้ดี

การใส่ข้อมูลสำคัญไว้ที่ด้านบนของหน้าสำคัญมาก เพราะจะช่วยให้ผู้เข้าเว็บไซต์เข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องเลื่อนหาข้อมูลนาน สำหรับองค์ประกอบของเว็บไซต์ ควรปรับสัดส่วนของเนื้อหา ระยะห่าง และจัดวางรูปภาพให้เหมาะสม อย่าให้มีเนื้อหายาวเกินไป โดยไม่มีพื้นที่ว่างเลย เพราะจะทำให้อ่านยาก และไม่เป็นมิตรต่อการใช้งานต่อหน้าจออุปกรณ์ที่มีขนาดแตกต่างกัน การจัดวางเนื้อหาควรตั้งค่าหัวข้อให้เด่นชัด มี H1 H2 H3 ตามลำดับความสำคัญของหัวข้อ และอาจมีรูปภาพคั่นระหว่างเนื้อหาบ้างตามเหมาะสม กรณีที่เนื้อหาเยอะหรือยาวเกินไป ควรใช้สารบัญบนหน้าเว็บไซต์ เพื่อการปรับเว็บไซต์ให้เหมาะกับการรับทำ SEO ช่วยให้ผู้เข้าชมค้นหาสิ่งที่ต้องการได้ง่ายยิ่งขึ้น

4. การกำหนด Breakpoints สำคัญมาก

Breakpoints ที่เหมาะสมเป็นขั้นตอนสำคัญในการทำ Responsive Web Design โดยการหา Breakpoints จะทำให้เราสามารถกำหนดจุดที่หน้าจอควรเปลี่ยนการแสดงผลเมื่อขนาดหน้าจอเปลี่ยนไป จากนั้นก็ค่อยปรับรูปแบบและการออกแบบแต่ละส่วน เพื่อสร้างการแสดงผลที่เหมาะสมสำหรับขนาดหน้าจอนั้นๆ

5. อย่าลืมตั้งค่า Viewport Meta Tag

Viewport Meta Tag เป็นการกำหนดให้เว็บบราวเซอร์แสดงผลหน้าเว็บไซต์ให้เหมาะสมกับขนาดหน้าจอที่ใช้งานอยู่ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่มีความสำคัญในการทำ Responsive Web Design การตั้งค่าที่ถูกต้องจะช่วยให้เว็บไซต์แสดงผลได้อย่างเหมาะสม โดยการตั้งค่า Viewport ที่แนะนำคือ

<meta name=”viewport” content=”width=device-width, initial-scale=1.0″>

การกำหนดค่านี้จะทำให้เว็บไซต์แสดงผลได้ดีในทุกขนาดหน้าจอ ช่วยปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน และเพิ่มโอกาสในการจัดอันดับที่ดีขึ้นบน Google

6. ทดสอบบนอุปกรณ์จริง

การทดสอบเว็บไซต์นั้น หลายคนอาจจะเคยชินกับการใช้เว็บบราวเซอร์ในการเช็คการแสดงผลของหน้าจออุปกรณ์ต่างๆ แต่อย่าลืมว่านั่นเป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยจำลองการแสดงผลเท่านั้น เมื่อดูบนอุปกรณ์จริงๆ อาจไม่เป็นเหมือนอย่างที่เห็นก็ได้ ดังนั้น การทดสอบบนอุปกรณ์จริงจึงจะดีที่สุดที่จะช่วยให้เราเห็นรูปแบบการแสดงผลที่ชัดเจน อย่าลืมใช้อุปกรณ์ที่มีขนาดจอแตกต่างกันเพื่อเปรียบเทียบดูบ่อยๆ วิธีนี้จะช่วยให้เว็บซต์ของเราเป็นเว็บไซต์ที่ออกแบบสวย ดูดี และเป็นเว็บไซต์ Responsive Web Design ได้อย่างสมบูรณ์

การทำ Responsive Web Design ไม่เพียงแค่ช่วยให้เว็บไซต์ของเรารองรับการใช้งานในอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างดี แต่ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการจัดอันดับSEO ด้วย หากใครลองทำตามเทคนิคทั้ง 6 เหล่านี้ บอกเลยว่าจะช่วยให้เว็บไซต์จะมีโอกาสในการเพิ่มผู้เข้าชมเว็บไซต์ และทำให้การทำ SEO มีอันดับดีขึ้นอย่างแน่นอน

คำถามที่พบบ่อย

Back To Top